วิตามินสำหรับสะเก็ดเงิน

น้ำมันปลาชนิดแคปซูล อุดมไปด้วยวิตามินดี

วิตามินถือเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของคนไข้สะเก็ดเงิน โดยเป็นตัวช่วยในการบรรเทาความรุนแรงของอาการที่ปรากฏให้ลดน้อยลงได้ โดยวิตามินที่ถูกนำมาใช้ในคนไข้สะเก็ดเงินกันอย่างกว้างขวางก็คือ วิตามิน D นั่นเอง

ทำไมต้องวิตามิน D ?

ทางการแพทย์มีข้อสันนิษฐานถึงสาเหตุของโรคสะเก็ดเงินว่าเป็นโรคที่มีความเกียวพันกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กล่าวคือ ระบบภูมิคุ้มกันมีการทำงานมากเกินปกติ ส่งผลให้ผิวหนังอักเสบพร้อมกับมีการสร้างเซลล์ผิวหนังและผลัดเซลล์ผิวหนังมากกว่าปกติหลายเท่า วิตามิน D มีหน้าที่สำคัญในการบรรเทาอาการสะเก็ดเงินได้ เพราะช่วยลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้น้อยลง ส่งผลให้ลดการสร้างและการผลัดเซลล์ผิวหนังของอาการสะเก็ดเงินได้

แหล่งวิตามิน D

เราสามารถรับวิตามิน D ได้จากวิธีการต่อไปนี้

การรับแสงแดดจากธรรมชาติ

ร่างกายของมนุษย์สามารถสร้างวิตามิน D ได้เองด้วยการรับแสงแดดจากดวงอาทิตย์เป็นเวลาวันละ 10 - 30 นาที (ต้องรับแดดนานเท่าไหร่ ? ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของคนไข้สะเก็ดเงินแต่ละคน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์) โดยการรับแสงแดดจากธรรมชาติควรเลือกเวลา 8.00 - 10.00 ในช่วงเช้าและเวลา 15.00 - 17.00 ในช่วงบ่าย นอกเหนือจากช่วงเวลาตรงนี้แดดจะมีความเข้มข้นของรังสี UV มากเกินไปไม่เหมาะกับการรับแสงแดดนานๆเพราะผิวหนังจะมีริ้วรอยดูแก่ก่อนวัยและเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดมะเร็งผิวหนังในภายหลังได้

การกินอาหาร

เราสามารถรับวิตามิน D ได้จากอาหารดังต่อไปนี้ (กินแต่พอดีให้ร่างกายมีสมดุลกรดด่าง)

  • ปลาทู
  • ปลาคอด
  • ปลาแซลมอน
  • ปลาซาดีน
  • ปลาแมคเคอร์เรล
  • ไข่แดง
  • ตับ

การบำบัดด้วยแสง UVB (UVB phototherapy)

ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ในการให้แสง UVB แก่คนไข้ คล้ายกับการรับวิตามิน D ด้วยการรับแสงแดดตามธรรมชาติ การบำบัดด้วยวิธีนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเข้มงวดเท่านั้น!

วิตามิน D ในรูปอาหารเสริม

มีทั้งในรูปแบบรับประทานและครีมทาผิว การใช้วิตามินดีที่เป็นครีมทาผิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการสะเก็ดเงินน้อยจนถึงระดับกลาง ในส่วนของการรับประทานวิตามิน D เป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยสะเก็ดเงินก็เป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะว่าวิตามิน D ในรูปแบบครีมหรือขี้ผึ้งที่ใช้ทาภายนอกมีราคาค่อนข้างสูง ในปี 1986 มีงานวิจัยในประเทศญี่ปุ่นที่ยืนยันว่าวิตามิน D ช่วยบรรเทาอาการสะเก็ดเงินได้จริง โดยคนไข้ 13 คนจาก 17 คน หายจากอาการสะเก็ดเงินหลังจากทานวิตามิน D อย่างต่อเนื่องภายในเวลา 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวิตามิน D ดูดซึมสู่ร่างกายผ่านผิวหนังได้ ไม่ว่าเราจะใช้แบบทาภายนอกหรือแบบรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปย่อมมีผลข้างเคียง เรียกว่า ภาวะระดับแคลเซียมในเลือดสูงกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ง่วงหงาวหาวนอน ความคิดสับสน ความดันโลหิตสูง ไตวายและหมดสติในที่สุด ดังนั้น ก่อนใช้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อจะได้ทานวิตามิน D เสริมได้ในปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัย

เนื่องจากผลข้างเคียงของการใช้วิตามิน D มากเกินไปมีค่อนข้างมาก จึงมีนักวิทยาศาสตรคิดค้นวิตามิน D ในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามิน D มีชื่อว่า วิตามิน D3 ที่มีข้อดีคือ มีผลข้างเคียงน้อยและใช้แล้วมีโอกาสน้อยกว่าที่เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง วิตามิน D3 จึงเป็นที่นิยมของคนไข้สะเก็ดเงินหลายล้านคนทั่วโลก

ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ แบ่งปันสิ่งดีดีให้กับเพื่อนของท่าน 🙂