
สเตอรอยด์ครีมสำหรับรักษาสะเก็ดเงิน
ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินที่ใช้ภายนอก เป็นวิธีการรักษาหรือบรรเทาอาการให้น้อยลงได้ เพราะผิวบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินมักจะแห้ง แข็งเป็นสะเก็ดและผลัดตัวเร็วมาก ก่อให้เกิดอาการคัน แสบ ระคายเคืองอยู่ตลอดเวลา สร้างความทรมานและรำคาญแก่ตัวของคนไข้เอง ประกอบกับการรักษาต้องค่อยทำแบบค่อยเป็นค่อยไป อาการสะเก็ดเงินไม่ได้หายไปง่ายๆ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกจึงมีความจำเป็นในการบรรเทาอาการต่างๆชั่วคราวเพื่อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
สรรพคุณผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินสำหรับใช้ภายนอก
โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินสำหรับใช้ภายนอกมักจะมีสรรพคุณหลักเหมือนกันดังต่อไปนี้ (บางชนิดมีหลายข้อบางชนิดมีบางข้อ)
1. ลดอาการคัน อาการปวดแสบปวดร้อน
2. ลอกผิวแข็งๆที่เรียกว่า สะเก็ดเงิน ออกไปและทำให้ผื่นสะเก็ดเงินอ่อนนุ่มลง
3. ลดอัตราการลอกหรือการผลัดผิวให้ช้าลง
4. ลดการอักเสบบริเวณที่เกิดสะเก็ดเงิน
5. เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผื่นสะเก็ดเงิน
รูปแบบผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินในท้องตลาด
มีอยู่หลายรูปแบบ
- แชมพูสะเก็ดเงิน
- เจลสะเก็ดเงิน
- สบู่สะเก็ดเงิน
- ครีมสะเก็ดเงิน
- ขี้ผึ้งสะเก็ดเงิน
- โฟมสะเก็ดเงิน
- น้ำยาสะเก็ดเงิน
- สเปรย์สะเก็ดเงิน
เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ตามสะดวก เช่น ถ้าใช้อาบน้ำก็ต้องเป็นสบู่ สระผมก็เป็นแชมพู ถ้าเป็นมากหลังอาจน้ำเสร็จอาจจะใช้เป็นแบบโลชั่นทาทั้งตัว หรือถ้าเป็นไม่มากอาจใช้แบบครีมหรือขี้ผึ้งทาเฉพาะบริเวณที่เป็น ทั้งนี้แม้ว่าผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะมีข้อแนะนำที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ อย่างไรเสียเราควรปรึกษาผู้รู้เสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมอันตรายและเกิดผลข้างเคียงมาก เรามีความจำเป็นต้องปรึกษาและใช้ผลิตภัณฑ์ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
ประเภทผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินแบบใช้ภายนอก
แบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. แบบที่ซื้อใช้เองได้ไม่ต้องใบสั่งแพทย์ (OTC)
ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินที่ผสมสารต่อไปนี้ได้รับการรับรองจากหน่วยงานสาธารณสุขว่า โดยมีสารที่เป็นส่วนผสมหลักดังต่อไปนี้
Salicylic acid

เป็นกรดชนิดหนึ่งที่ใช้รักษาภายนอกและใช้เฉพาะที่กับโรคผิวหนังที่มีความแข็งกระด้าง มีคุณสมบัติในการทำให้ผิวชั้นนอกอ่อนตัวและหลุดลอกออกไปได้ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินจึงมีการผสมสารชนิดนี้เพื่อทำให้สะเก็ดเงินอ่อนตัวและหลุดลอกออกไปได้ การใช้กรดชนิดนี้ในปริมาณที่มากเกินไปสามารถสร้างความระคายเคืองให้กับผิวหนัง ถ้าใช้บนหนังศีรษะก็จะส่งผลทำให้เกิดอาการผมร่วงชั่วคราวได้
Coal tar (น้ำมันดินหรือน้ำมันดำจากถ่านหิน)

แชมพูน้ำมันดิน (Coal Tar Shampoo)
เป็นของเหลวสีดำ ได้จากการกลั่นทำลายของสารอินทรีย์เช่น ถ่านหิน ไม้ และน้ำมันดิบ น้ำมันดินที่ใช้ในการบรรเทาอาการสะเก็ดเงินส่วนใหญ่กลั่นจากถ่านหิน สำหรับคนไข้สะเก็ดเงินแล้วมีคุณสมบัติในการชะลอการเกิดเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเนียนเรียบเป็นปกติ ในอีกทางหนึ่งยังช่วยต้านผิวหนังอักเสบ อาการคันและต้านการเกิดสะเก็ดได้ด้วย โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินที่มีน้ำมันดินผสมอยู่เข้มข้นกว่าจะมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการสะเก็ดเงินมากกว่า
น้ำมันดินอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง แดง และแห้งที่ผิวได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันดินเป็นส่วนผสมจึงควรมีการทดลองใช้เพียงเล็กน้อยเสียก่อน หากเกิดอาการดังกล่าว ให้เราใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ทาก่อนแล้วค่อยทาน้ำมันดินทับลงไปเพื่อลดอาการระคายเคืองก็ได้ น้ำมันดินมีผลให้ผิวมีความไวต่อแสงแดดมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หลังจากที่เราใช้แล้วควรล้างน้ำมันดินออกให้สะอาดหมดจด ทาครีมกันแดด SPF 15 ขึ้นไปและหลีกเลี่ยงการออกแดดภายในเวลา 24 - 72 ชั่วโมงโดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอาการผิวไหม้จากแสงแดดได้
จากการศึกษาค้นคว้าพบว่า ส่วนผสมทางเคมีบางอย่างของน้ำมันดินอาจเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ภายใต้เงื่อนไขการใช้ที่มีความเข้มข้นสูงมาก อย่างเช่น ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ ใครจำเป็นต้องทำงานกับน้ำมันดินเป็นประจำต้องมีการตรวจมะเร็งผิวหนังเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขอเมริกาได้ออกมายืนยันว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน 0.5 - 5% ถือว่าปลอดภัยและเป็นผลดีต่อโรคสะเก็ดเงินจริง
Dead sea mud (โคลนทะเลสาบเดดซี)

โคลนจากทะเลสาบเดตซี (Mud of Dead sea)
เดดซีเป็นทะเลสาบในประเทศจอร์แดน ได้ชื่อว่าเป็นทะเสสาบแห่งความตาย (Dead = ตาย, Sea = ทะเล) เพราะมีความเข้มข้นของเกลือสูงกว่าน้ำทะเลปกติมากจนไม่มีสิ่งชีวิตชนิดไหนอาศัยอยู่ได้ นอกจากนี้ น้ำและโคลนในทะเลสาบยังมีส่วนผสมของเกลือแร่ตามธรรมชาติที่มีสัดส่วนทางเคมีแตกต่างจากน้ำทะเลทั่วไปเป็นอันมาก ส่งผลให้น้ำและโคลนจากทะเลสาบนี้ถูกเชื่อว่า มีคุณสมบัติพิเศษในการรักษาโรคชนิดต่างๆ รวมถึงโรคสะเก็ดเงินด้วย จนทะเลสาบเดดซีได้ชื่อว่าเป็นศูนย์วิจัยแห่งสุขภาพ ทุกๆปีจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปเทียวที่ทะเลสาบเดดซีเพื่อพักผ่อน ลงเล่นน้ำและพอกโคลนเพราะเชื่อกันว่าจะทำให้สุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณสดใสขึ้น
เนื่องจากลักษณะพิเศษของโคลนจากทะเลสาบเดดซีที่มีความเข้มข้นของเกลือแร่หลากหลายชนิดในปริมาณสูง จึงได้มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเครื่องสำอางสำหรับผิวหน้าและผิวกาย รวมถึงสำหรับคนไข้โรคสะเก็ดเงินในรูปแบบต่างๆ
สมุนไพรและสารสกัดพืชจากธรรมชาติ
นับได้ว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การรักษาสะเก็ดเงินโดยใช้แนวทางธรรมชาติบำบัดเริ่มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นวิธีการที่มีผลข้างเคียงน้อย ปลอดภัยต่อผู้ใช้มากกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่มีผลข้างเคียงอย่างเช่น สเตอรอยด์ น้ำมันดิน เป็นต้น ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินจึงถูกคิดค้นขึ้นโดยใช้สมุนไพรและสารสกัดจากธรรมชาติเป็นส่วนผสม เช่น ว่านหางจระเข้ สารสกัดข้าวโอ๊ต สารสกัดจากเมล็ดกัญชง เป็นต้น
2. แบบที่ต้องใช้ภายใต้ใบสั่งจากแพทย์
อนุพันธ์ของวิตามิน D
การใช้วิตามินดีแบบใช้ทาภายนอกเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการสะเก็ดเงินน้อยจนถึงระดับกลาง วิตามิน D ในรูปแบบครีมหรือขี้ผึ้งที่ใช้ทาภายนอกมีราคาค่อนข้างสูง มีงานวิจัยในประเทศญี่ปุ่นที่ยืนยันว่าวิตามิน D ช่วยบรรเทาอาการสะเก็ดเงินได้จริง โดยคนไข้ 16 คนจาก 19 คน หายจากอาการสะเก็ดเงินหลังจากทาวิตามิน D อย่างต่อเนื่องภายในเวลา 3 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวิตามิน D ถูกดูดซึมสู่ร่างกายผ่านผิวหนังได้ จึงมีผลข้างเคียง เรียกว่า ภาวะระดับแคลเซียมในเลือดสูงกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ง่วงหงาวหาวนอน ความคิดสับสน ความดันโลหิตสูง ไตวายและหมดสติในที่สุด ดังนั้น ก่อนใช้ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้เอง
เนื่องจากผลข้างเคียงของการใช้วิตามิน D มากเกินไปมีค่อนข้างมาก จึงมีนักวิทยาศาสตรคิดค้นวิตามิน D ในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามิน D มีชื่อว่า วิตามิน D3 ที่มีข้อดีคือ มีผลข้างเคียงน้อยและใช้แล้วมีโอกาสน้อยกว่าที่เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ครีม ขี้ผึ้งวิตามิน D3 จึงเป็นที่นิยมของคนไข้สะเก็ดเงินจำนวนมากทั่วโลก
สารสเตอรอยด์
เป็นสารอย่างหนึ่งที่ถูกใช้บ่อยที่สุดสำหรับรักษาอาการสะเก็ดเงิน มีฤทธิ์ในการต้านอักเสบ ลดอาการบวมแดงของผื่นสะเก็ดเงิน ผลิตภัณฑ์มักถูกผลิตออกมาในรูปของครีม ขี้ผึ้ง หรือโลชั่น มีระดับความแรงแบ่งได้ 7 ระดับ เรียกว่า class 1 - class 7 (class 1 แรงที่สุด class 7 แรงน้อยสุด) โดยตัวที่แรงกว่าจะมีประสิทธิภาพในการรักษาสะเก็ดเงินมากกว่าแต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องผลข้างเคียงที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน
ข้อควรทราบก่อนใช้ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงิน
1. ปรึกษาผู้รู้ (โดยปกติแล้วจะเป็นแพทย์และเภสัชกร) ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์ ใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และถ้าเกิดปัญหาในการใช้ให้ปรึกษาใหม่อีกครั้งโดยเร็ว
2. ใช้ผลิตภัณฑ์บริเวณที่มีปัญหาสะเก็ดเงินเท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้บริเวณผิวหนังปกติเพื่อป้องกันการระคายเคือง ทาบางๆก็เพียงพอ ล้างมือให้สะอาดหลังทาเสร็จแล้ว เว้นแต่เรามีปัญหาสะเก็ดเงินตรงมือด้วย
3. ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์บริเวณผิวอ่อน เช่น รอบดวงตา อวัยวะเพศ ใต้ราวนม รักแร้ แขนพับ ขาพับ เพราะมีความอ่อนไหวสูง เกิดการระคายเคืองได้ง่าย เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ใช้จากผู้รู้เท่านั้น
4. ถ้าได้รับคำแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์หลายๆชนิดพร้อมกัน ให้ใช้ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดไม่พร้อมกัน เช่น ถ้าคุณหมอสั่งให้ทาครีม 2 ชนิด คือครีม A กับครีม B วันละ 2 ครั้ง เราจะไม่ทาครีมทั้งสองชนิดพร้อมกันเพื่อป้องกันการผสมกันโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลเสียกับอาการสะเก็ดเงินได้
5. ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เป็นเวลานานเกินไป เช่น ผลิตภัณฑ์ทีมีส่วนผสมของสเตอรอยด์
6. ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับสตรีที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรอยู่
7. ไม่ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ครั้งแรกด้วยตัวเอง ต้องปรึกษาผู้รู้ก่อน
8. จำเอาไว้ว่าการรักษาสะเก็ดเงินของแต่ละคนใช้เวลามากน้อยไม่เท่ากัน วินัยและความสม่ำเสมอในการใช้ผลิตภัณฑ์เป็นปัจจัยที่ช่วยให้การรักษาประสบความสำเร็จได้
9. หากอาการสะเก็ดเงินที่เป็นอยู่รุนแรง การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับภายนอกอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แพทย์อาจจะใช้การรักษาทางอื่นเพิ่ม เช่น การฉายแสงยูวี เพื่อให้การรักษาได้ผลดีทีสุด
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ แบ่งปันสิ่งดีดีให้เพื่อนของท่าน 🙂