กินผักรักษาสะเก็ดเงินได้จริงหรือ ?

ผักสดๆดีต่อสุขภาพทุกคนรวมถึงคนไข้สะเก็ดเงินด้วย

หนึ่งในอาหารหลักห้าหมู่ของไทยที่ทุกคนรู้จักกันดีตั้งแต่เล็กจนโต คือ ผัก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายและมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ผักในประเทศไทยมีอยู่หลายชนิดแต่ละชนิดมีสารอาหาร คุณค่าทางอาหารและผลดีต่อสะเก็ดเงินไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน เกลือแร่ ใยอาหาร และพฤกษเคมี (phytochemicals = เคมีที่ได้จากการสังเคราะห์ของพืช) พืชผักในประเทศไทยของเราที่นิยมกินกันมีอยู่ประมาณ 30 ชนิด ซึ่งมีประโยชน์ต่อคนไข้สะเก็ดเงินในการดูแลสุขภาพ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขการเลือกกินให้ถูกชนิดให้ถูกวิธีและอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม

ถ้าเราจะมาพูดถึงเรื่องการกินผักเพื่อรักษาสะเก็ดเงินนั้น เราต้องมาจับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ เพื่อรักษาสมดุลและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ทำความเข้าใจก่อนนิดนึง

การกินผักเพื่อรักษาสะเก็ดเงินสำหรับแต่ละคนอาจจะได้ผลมากน้อยและช้าเร็วไม่เท่ากัน ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1. ความรุนแรงของสะเก็ดเงินไม่เท่ากัน หลายกรณีที่มีความจำเป็นต้องมีการให้ยารักษาสะเก็ดเงินร่วมกับการเลือกกินอาหาร
2. ความมีวินัยและความอดทนของแต่ละคนไม่เท่ากัน ต้องยอมรับว่าการทานผักให้ได้สัดส่วนเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน บางคนทำได้แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็แอบไปกินของต้องห้ามของแสลงที่ทำให้อาการสะเก็ดเงินปะทุขึ้นมาอีก
3. วิธีการกินผักเพื่อรักษาสะเก็ดเงินใช้เวลามากน้อยไม่เท่ากันในแต่ละคน อย่างเร็วที่สุดก็ดีขึ้นได้ภายใน 2-3 เดือน แต่ก็มีในหลายๆกรณีทีต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสุขภาพพื้นฐานของคนไข้แต่ละคน

กินผักดีต่อสะเก็ดเงินอย่างไร ?

มีผลงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่า การทานผักจะมีประโยชน์ต่อการต้านโรคที่เกียวกับความเสื่อม กล่าวคือ โรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมถอยของอวัยวะเมื่อระยะเวลาผ่านไป เช่น เบาหวาน ความดัน หลอดเลือดหัวใจ เกาต์ มะเร็ง เป็นต้น

เนื่องจากผักมีพฤกษเคมีและวิตามินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีแร่ธาตุชนิดต่างๆที่ร่างกายต้องการเพื่อให้ทำงานได้ปกติ โดยทั่วไปแล้วสารต้านอนุมูลอิสระนี้เรามักจะเข้าใจกันว่าเป็นสารต้านมะเร็งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จริงๆแล้วสารต้านอนุมูลอิสระมีความสามารถในการต้านโรคความเสื่อมทุกโรค เพราะสาเหตุของโรคความเสื่อมเหล่านี้มีที่มาจากอนุมูลอิสระทั้งสิ้นรวมถึงสะเก็ดเงินด้วย

อนุมูลอิสระมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคนเรา กล่าวคือ มีผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและทำงานผิดปกติไป ถ้าจะมองให้เชื่อมโยงกับโรคสะเก็ดเงินที่ได้ชื่อว่าเป็นโรคภูมิคุ้มเพี้ยนหรือภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติในลักษณะที่ทำงานมากเกินไป ก็จะเห็นได้ว่ามีความเชื่อมโยงกันอยู่ที่เรื่องของระบบภูมิคุ้มกันนั่นเอง คนไข้สะเก็ดเงินมักจะมีปัญหาเรื่องของภาวะบกพร่องของร่างกายต่อการต้านอนุมูลอิสระ กล่าวคือ ร่างกายสามารถผลิตสารต้านอนุมูลอิสระได้น้อยกว่าอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผลให้ร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ดังนั้น การทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ปกติโดยการทานผักที่มีคุณค่าทางอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้มีการปรับสมดุลกรดด่าง และสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างเพียงพอ จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้สะเก็ดเงินสงบลงหรือหายเป็นปกติได้

ผลงานวิจัยในประเทศอิตาลีชิ้นหนึ่งระบุว่า ผู้ที่ทานผักผลไม้เป็นประจำในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอ มีความเสี่ยงจะเป็นโรคสะเก็ดเงินน้อยกว่าผู้ที่ไม่ค่อยทานผักผลไม้หรือมีภาวะทุพโภชนาการ การกินผักจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการนำไปสู่การมีสุขภาพที่แข็งแรง ป้องกันและบำบัดโรคสะเก็ดเงินได้

รายชื่อผักเหมาะสำหรับสะเก็ดเงิน

ผักที่เหมาะกับสะเก็ดเงิน คือ ผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ผักที่จะแนะนำต่อไปนี้เป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระทุกชนิด หากินได้ง่ายในประเทศไทย และได้ตัดผักที่ไม่เหมาะกับคนไข้สะเก็ดเงินออกไปหมดแล้ว พร้อมทั้งระบุค่าการต้านสารอนุมูลอิสระคร่าวๆให้ทราบด้วย เพื่อจะได้ทราบว่าผักแต่ชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในระดับใด (ต่ำ, พอประมาณ, ปานกลาง, ค่อนข้างสูง, สูง)

  • ข้าวโพดอ่อน ปานกลาง
  • กะหล่ำปลีสีม่วง ค่อนข้างสูง
  • สะเดา สูง
  • กระเฉด สูง
  • ตำลึง พอประมาณ
  • คะน้า พอประมาณ
  • ผักกวางตุ้ง พอประมาณ
  • ผักกาดขาว ต่ำ
  • ถั่วงอก ปานกลาง
  • ผักหนาม สูง
  • หน่อไม้ฝรั่ง ค่อนข้างสูง
  • กะหล่ำดอก ปานกลาง
  • ถั่วฝักยาว ค่อนข้างสูง
  • ถั่วลันเตา ค่อนข้างสูง
  • บร็อคเคอรี่ ค่อนข้างสูง

7 เคล็ดไม่ลับกินผักต้านสะเก็ดเงิน

เพื่อให้การกินผักเกิดประโยชน์ได้สูงสุด เราควรปฏิบัติตามวิธีต่อไปนี้

1. พยายามทานผักสดๆเก็บใหม่จากสวน เพราะผักพวกนี้มีเอนไซม์สูงมากและเอนไซม์จะลดลงเร็วมากหลังจากผ่านไป 30 นาที และจะลดต่ำลงไปอีกเมื่อเวลาผ่านไป
2. หากทานแบบผักแบบสดๆไม่ได้ให้ปรุงอาหารแบบที่ใช้น้ำและความร้อนน้อย เพราะผักจะเสียคุณค่าทางอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระไปกับความร้อน
3. เลือกทานผักแบบปลอดสารเคมี ผักอินทรีย์หรือออร์แกนิค เพราะผักที่ปนเปื้อนสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงจากการเกษตร มีผลทำให้ร่างกายได้รับสารพิษและอนุมูลอิสระมากขึ้น ทานไปได้ประโยชน์น้อยและอาจทำให้อาการสะเก็ดเงินแย่ลงได้
4. หากเราหาผักอินทรีย์ทานลำบาก ควรล้างผักด้วยน้ำด่าง น้ำด่างทับทิมหรือแช่น้ำถ่าน (ถ่านที่ใช้ก่อไฟ) ก่อนนำไปทานหรือประกอบอาหาร
5. พยายามทานผักให้หลากหลายชนิดเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน เพราะวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารชนิดอื่นๆมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระด้วยเช่นกัน กระทรวงสาธารณสุขของอเมริกาแนะนำให้ทานผักผลไม้ 5 อย่างในหนึ่งวัน ไม่ควรยึดติดว่าต้องทานผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงเท่านั้น
6. หากปกติแล้วเราเป็นคนทีทานผักสดไม่ได้ แนะนำให้นำผักไปประกอบอาหารที่ชอบ ลวกจิ้มน้ำพริก ผัดน้ำมันก็ว่ากันไป แต่ที่คิดว่าดีที่สุดคือ นำมาปั่นรวมกับผลไม้ชนิดต่างๆแบบสด ก็จะช่วยให้ทานได้ง่ายและคุณค่าทางอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระยังเหลืออยู่มากกว่าการนำไปประกอบอาหารด้วยวิธีอื่น
7. สัดส่วนในการบริโภคผักผลไม้ต่อวันควรจะเป็น 60/40 สำหรับคนปกติที่ไม่ได้เป็นสะเก็ดเงิน แต่ควรจะเป็น 80/20 สำหรับผู้ที่กำลังมีอาการอยู่ (ผักผลไม้ / เนื้อสัตว์ แป้ง ไขมัน)

สรุป

แน่นอนว่าผักเป็นอาหารมีส่วนสำคัญอย่างมากในการดูแลผู้ป่วยสะเก็ดเงิน ทางผู้เขียนได้พยายามรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในทุกแง่มุมมานำเสนอต่อทุกท่าน จริงอยู่ ข้อมูลอาจเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกทานผักหรืออาหาร แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การมีระเบียบวินัยในการเลือกทานอาหารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของอาการสะเก็ดเงินที่น้อยลงและสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว ลองอ่านบทความนี้เพิ่มเติม อาหารสำหรับสะเก็ดเงิน

ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ บอกต่อสิ่งดีดีให้กับเพื่อนของท่าน 🙂