
อาหารก่อภูมิแพ้ (allergy = ภูมิแพ้)
ภูมิแพ้ถือเป็นโรคชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีผลตอบสนองต่อสารบางอย่างที่ได้รับเข้าไปในร่างกายมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการหายใจ การดื่ม การกินหรือสัมผัสที่ผิวหนัง แล้วร่างกายแสดงอาการ"อักเสบ"ออกมา ในรูปแบบของความผิดปกติต่างๆกัน เช่น ตาแดง คัดจมูก น้ำมูกไหล น้ำตาไหล จาม เจ็บคอ ผื่นขึ้นตามผิวหนัง ลมพิษ คัน เป็นต้น หลายท่านคุ้นเคยกับอาการภูมิแพ้ในลักษณะของการแพ้อากาศตอนช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง เช่น อากาศเย็น หรือในสภาพอากาศที่มีมลพิษมาก เช่น ฝุ่นละออง ควันรถ จนติดปากพูดกันเป็นประจำว่า แพ้อากาศหรือแพ้ฝุ่น
การแพ้ของคนเราเกิดได้กับสารหลากหลายชนิด เช่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ไรฝุ่น แมลงสาบ ฝุ่นละออง ถั่ว แอปเปิ้ล เหล้า เบียร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรียกโดยรวมว่า "สารก่อภูมิแพ้" นั่นเอง
หลายท่านอาจสงสัยว่า โรคภูมิแพ้เกียวกับข้องกับสะเก็ดเงินอย่างไร ? ลองติดตามดู
ภูมิแพ้อาหารกับสะเก็ดเงิน
ในยุคปัจจุบันทีมีอาหารนานาชนิดให้เราเลือกรับประทาน ร่างกายของคนเราแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะทางด้านพันธุกรรม การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละคนต่ออาหารชนิดหนึ่งๆไม่เหมือนกัน หากผู้กินมีอาการแพ้สารบางอย่างในอาหาร ร่างกายย่อมแสดงอาการที่เรียกว่า ภูมิแพ้ ออกมา โดยที่อาการภูมิแพ้ที่แสดงออกมาเกิดขึ้นมาจากการอักเสบ สะเก็ดเงินได้ชื่อว่าเป็นโรคอย่างหนึ่งที่แสดงอาการออกทางผิวหนัง โดยผิวหนังจะมีการผลัดตัวเร็วกว่าปกติ 10 - 20 เท่าและมีการอักเสบของผิวหนังร่วมด้วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดสะเก็ดเงินมีปัจจัยอยู่ 3 อย่างร่วมกัน คือ
- พันธุกรรมสะเก็ดเงิน
- ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ (ตอบสนองต่อสารก่อสะเก็ดเงิน ก่อให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบที่เรียกว่าสะเก็ดเงิน)
- การรับสารก่อสะเก็ดเงิน (รับผ่านทางกินอาหาร)
ลองมาดูสาเหตุที่ทำให้เกิดภูมิแพ้
- พันธุกรรมภูมิแพ้
- ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ (ตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ไวเกินไป ก่อให้เกิดอาการอักเสบทีเรียกว่าภูมิแพ้)
- การได้รับสารก่อภูมิแพ้ (รับได้หลายทาง การหายใจ การกิน การสัมผัส)
ถ้าเราลองพิจารณาให้ดีเทียบกันแบบสาเหตุต่อสาเหตุ สะเก็ดเงินจะมีความสัมพันธ์กับอาการภูมิแพ้อาหาร ดังนี้
พันธุกรรมสะเก็ดเงิน <--> พันธุกรรมภูมิแพ้
ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ <--> ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ
การรับสารก่อสะเก็ดเงิน <--> การรับสารก่อภูมิแพ้
เห็นอะไรไหม ? สาเหตุของทั้งสองโรคมีปัจจัยหลักที่เหมิอนกันทุกข้อ ดังนั้น จึงมีแพทย์หรือนักวิชาการหลายท่านมองโรคสะเก็ดเงินเป็นอาการภูมิแพ้อาหารชนิดหนึ่ง!!!
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น คือ มีคนไข้สะเก็ดเงินหลายคนทั่วโลกใช้การควบคุมอาหารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน จนอาการสะเก็ดเงินดีขึ้นและควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด!!! แต่เมื่อกลับมาทานตามใจปากเหมือนเดิมอาการสะเก็ดเงินก็กลับมาเยี่ยมอีก ซึ่งถือเป็นหลักฐานสนับสนุนอย่างดีที่ช่วยให้แนวคิดนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการรักษาสะเก็ดเงินได้
ส่วนจะต้องทานอาหารแบบไหนอย่างไร ? อ่านที่นี่ อาหารสำหรับสะเก็ดเงิน
จะทราบได้อย่างไรว่าเราแพ้อะไรบ้าง ?
วิธีการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้มีอยู่หลายวิธี โดยมีหมอและผู้ชำนาญการตามโรงพยาบาลเป็นผู้ทดสอบให้ อาจจะใช้วิธีทดสอบเพียงวิธีเดียวก็เพียงพอและอาจจะใช้หลายวิธีร่วมกันถ้าผลการทดสอบในบางวิธีไม่ได้ผลแน่ชัด
ก่อนการทดสอบสารก่อภูมิแพ้จะต้องมีการซักประวัติของคนไข้เสียก่อน เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลอาหารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ (อาการภูมิแพ้ในที่นี้หมายถึง สะเก็ดเงิน) และตัดสินใจว่าเราจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้หรือไม่ ? คำถามที่มักจะถูกถามบ่อยคือ
- อาหารที่สงสัยว่าแพ้คือ ?
- อาการแพ้เป็นอย่างไร ?
- หลังจากทานอาหารที่คิดว่าเป็นสารก่อภูมิแพ้เข้าไป นานเท่าไหร่ถึงเริ่มมีอาการผิดปกติ ?
- ปริมาณอาหารที่ทานเข้าไปมากน้อยเพียงใดถึงเริ่มมีอาการ ?
- ประวัติของคนในครอบครัวเคยมีอาการแพ้หรือไม่ ?
- ตอนนี้ทานยาอะไรอยู่หรือเปล่า ?
ถ้าผู้ชำนาญการลงความเห็นว่า เรามีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจหาอาหารก่อภูมิแพ้แล้ว ก่อนเข้ารับการตรวจเราต้องมีการเตรียมตัวตามคำแนะนำของผู้ชำนาญการระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ผลตรวจออกมาถูกต้องและเป็นจริงที่สุด
วิธีการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้
หลังจากการเตรียมความพร้อมในการเข้ารับการตรวจแล้ว ผู้ชำนาญการจะตรวจหาสารหรืออาหารก่อภูมิแพ้ด้วยวิธีการต่อไปนี้
1. การทดสอบทางผิวหนัง (Skin prick test)
2. การตรวจเลือด (Blood tests)
3. การทดสอบโดยการกินอาหาร (Challange test)
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญถึงวิธีที่ใช้ในการตรวจหาสารหรืออาหารก่อภูมิแพ้ แต่ละท่านมีสุขภาพพื้นฐาน อาหารที่แพ้ และข้อจำกัดบางอย่างไม่เหมือนกัน!
สรุป
การเข้ารับการตรวจหาอาหารก่อภูมิแพ้มีประโยชน์ในแง่ของการรักษาสะเก็ดเงินเชิงป้องกัน กล่าวคือ ถ้าเราทราบแล้วว่า ตัวเรามีอาการแพ้ต่ออาหารชนิดใดบ้าง เราต้องหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการสะเก็ดเงินที่รุนแรง ทั้งนี้การตรวจหาสารหรืออาหารก่อภูมิแพ้จำเป็นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและมีการเตรียมตัวก่อนพอสมควร เพื่อให้ผลที่ได้ถูกต้องแม่นยำที่สุด
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ แบ่งปันสิ่งดีดีให้กับเพื่อนของท่าน 🙂