
สะเก็ดเงินที่ผิวหน้ามักจะพบร่วมกับสะเก็ดเงินที่ศีรษะและผู้ที่เป็นชนิดรุนแรงกินพื้นที่ผิวหลายจุดและเป็นบริเวณกว้าง ผิวหน้าเป็นส่วนที่ค่อนข้างบางและไวต่อสิ่งแวดล้อม เครื่องสำอางและยา การดูแลรักษาสะเก็ดเงินที่หน้าจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ล้างหน้ารวมถึงยารักษาสะเก็ดเงินที่ใช้ทาหน้าด้วย บริเวณที่เกิดสะเก็ดบนใบหน้าที่พบบ่อยได้แก่
- คิ้วและรอบดวงตา
- ไรผม
- ผิวหนังบริเวณเหนือริมฝีปากบนและจมูก
- หน้าผาก
ซึ่งแต่ละบริเวณที่เกิดสะเก็ดเงินมีการดูแลแตกต่างกันไป ขึ้นกับความหนักเบาของอาการประกอบกับวิจารณญาณของแพทย์ผู้ดูแล ลองดูตัวอย่างสะเก็ดเงินบริเวณผิวหนังที่อ่อนไหวต่อไปนี้
สะเก็ดเงินรอบดวงตา
ถ้าสะเก็ดเงินเกิดขึ้นตรงเปลือกตามักจะส่งผลให้ขอบเปลือกตาเกิดอาการปลิ้น ถ้าปลิ้นขึ้นขนตาจะชี้ขึ้นแต่ถ้าปลิ้นลงขนตาจะแยงเข้าไปในที่ตา เกิดอาการระคายเคืองอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังรบกวนการมองเห็นอีกด้วย
ในหลายกรณีแพทย์มักจะใช้สเตอรอยด์ชนิดพิเศษในการทาเพื่อบรรเทาอาการสะเก็ดเงินรอบดวงตา แต่เนื่องจากสเตอรอย์มีผลข้างเคียงกับผิวหนัง กล่าวคือ ทำให้ผิวหนังบาง (ผิวหนังรอบดวงตาบางอยู่แล้ว) เพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคต้อหินและต้อกระจกได้ การใช้สเตอรอยด์จึงต้องได้รับการตรวจและดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
สะเก็ดเงินในช่องหู
สะเก็ดเงินในช่องหูอาจสร้างปัญหาการได้ยินชั่วคราวได้ เพราะสะเก็ดที่เกิดขึ้นขัดขวางการได้ยิน แพทย์จึงจำเป็นต้องจัดการกับสะเก็ดเหล่านี้ โดยปกติแล้วสะเก็ดเงินจะเกิดขึ้นบริเวณช่องหูด้านนอกเท่านั้น
การใช้ครีม calcipotrene (อนุพันธ์ของวิตามิน D) หรือ tazarotene (อนุพันธ์ของวิตามิน A) อาจทำให้เกิดความระคายเคืองต่อช่องหูได้ ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลดีควรใช้ร่วมกับยาทาสเตอรอยด์ เนื่องจากหูเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อนไม่แพ้ดวงตา การรักษาจึงจำเป็นต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์เช่นกัน
สะเก็ดเงินในช่องปาก รอบริมฝีปากและจมูก
พบได้น้อยมากในคนไข้สะเก็ดเงิน ผื่นสะเก็ดเงินจะปรากฏบริเวณเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม ในจมูกและริมฝีปาก โดยปกติแล้วผื่นสะเก็ดเงินจะเป็นสีขาวหรือสีเทา สะเก็ดเงินบริเวณเหล่านี้มีผลกับการใช้ชีวิตประจำวันพอควร เพราะว่าเราจะมีอาการเจ็บทำให้เคี้ยวหรือกินอาหารได้ไม่สะดวกนัก
การรักษาสะเก็ดเงินในช่องปากและในจมูกมักจะมีการใช้สเตอรอยด์ชนิดพิเศษที่ใช้บริเวณที่ชื้น วิธีการรักษาความสะอาดที่จะช่วยลดความเจ็บปวดจากสะเก็ดเงินได้ก็คือ การใช้น้ำเกลือล้างหรือกลั้ว หากเกิดที่ริมฝีปากแพทย์นิยมใช้สเตอรอยด์ชนิดเจือจางในการทาบริเวณที่เป็น
สะเก็ดเงินที่ไรผม หน้าผาก
ตัวยาที่ใช้จะเหมือนกับยาทาสะเก็ดเงินในช่องหู กล่าวคือ มีการใช้ครีม calcipotrene (อนุพันธ์ของวิตามิน D) หรือ tazarotene (อนุพันธ์ของวิตามิน A) ร่วมกับยาทาสเตอรอยด์ชนิดเจือจาง
แนวทางการรักษาสะเก็ดเงินที่หน้า
หากเป็นไม่มากการรักษาจะใช้ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินแบบใช้ทาภายนอก เช่น ครีม ขึ้ผึ้ง โดยมีชนิดของครีมดังต่อไปนี้
- สเตอรอยด์ชนิดเจือจาง (low potency corticosteriods)
- calcipotrene (อนุพันธ์ของวิตามิน D)
- tazarotene (อนุพันธ์ของวิตามิน A)
จะใช้ตัวเดียวหรือใช้ตัวไหนร่วมกันให้ปรึกษาและใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะมีผลข้างเคียง
หากการใช้ยาทาภายนอกไม่ช่วยให้ดีขึ้นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะใช้คือ การฉายแสง UV โดยใช้ร่วมกับการใช้ยาทาภายนอกได้ อย่างไรก็ตาม หากการใช้ยาทาภายนอกและฉายแสง UV รวมกันแล้วไม่ได้ผลเท่าที่ควร การรักษาแบบเป็นระบบที่มีการใช้ยารับประทานและยาฉีดชนิดต่างๆก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้อาการสะเก็ดเงินที่รุนแรงทุเลาเบาบางลงได้
วิธีการทายาสะเก็ดเงินให้ปลอดภัยได้ผลดี
- ทาบางๆบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินเท่านั้น
- ถ้ามีการใช้รอบดวงตา ระวังอย่าให้เข้าตา
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง เพราะสารเคมีในนั้นอาจสร้างความระคายเคืองต่อสะเก็ดเงินและทำให้ประสิทธิภาพของยาทีทาลดลงได้
- ใช้อย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ อย่าหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาเพราะอาจจะเป็นมากกว่าเดิมได้
- ตรวจร่างกายกับแพทย์เป็นประจำเพื่อดูผลข้างเคียงจากการใช้ยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสเตอรอยด์
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ แบ่งปันสิ่งดีดีให้กับเพื่อนของท่าน 🙂