อาหารสำหรับสะเก็ดเงิน

“กินอาหารให้เป็นยา” หลายท่านคงเคยได้ยินประโยคนี้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย แน่นอนว่าอาหารมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพของคนเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเราจะมีชีวิตอยู่ได้ต้องกินอาหารให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ศาสตร์ของการกินอาหารให้มีสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่ศึกษาค้นคว้าและสะสมความรู้กันมาเป็นร้อยปี จนกระทั่งมีการพัฒนาองค์ความรู้เรื่องนี้ในเชิงที่เป็นวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น กล่าวคือ มีการวิจัย ค้นคว้า ตั้งสมมุติฐาน ทดลอง และสรุปผลการทดลอง กลายเป็นองค์ความรู้ที่เชื่อถือได้และนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงปฏิบัติได้จริง การกินอาหารกับสะเก็ดเงิน ? เนื่องจากอาหารมีความสำคัญต่อภาวะสมดุลร่างกาย และภาวะสมดุลนั้นมีผลต่อสุขภาพ ผู้ที่มีสุขภาพดีย่อมมีความแข็งแรงทนทานในการต่อต้านโรคหรือระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ส่วนผู้ที่สุขภาพไม่ดีย่อมไม่แข็งแรง ป่วยง่ายเพราะระบบภูมิคุ้มกันไม่ดี ถ้าเราทราบอย่างนี้แล้ว โรคสะเก็ดเงินที่ได้ชื่อว่าเป็นโรค”ภูมิเพี้ยน” ย่อมมีความเกียวพันกับระบบภูมิคุ้มกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กล่าวคือ ถ้าผู้ป่วยสะเก็ดเงินสามารถรักษาสมดุลของร่างกายได้ แน่นอนว่าร่างกายย่อมแข็งแรงและมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าผู้ป่วยสะเก็ดเงินไม่สามารถที่จะรักษาสมดุลของร่างกายได้ ย่อมหมายถึง การเพิ่มโอกาสให้สะเก็ดเงินแสดงอาการได้ ดังนั้น ผู้ป่วยสะเก็ดเงินจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการรักษาสมดุลของร่างกายด้วยการกินอาหารให้ถูกชนิด ถูกสัดส่วนและหลีกเลี่ยงอาหารแสลงที่จะก่อให้เกิดอาการสะเก็ดเงินในภายหลังได้ ร่างกายสมดุลหรือไม่ทราบได้อย่างไร ? การนิยามภาวะสมดุลของร่างกายแตกต่างกันไปตามการแพทย์แต่ละแขนง ขึ้นอยู่กับความรู้ที่ได้สืบทอดกันมา แพทย์แผนจีน สมดุลหยินหยาง แพทย์แผนไทย สมดุลธาตุทั้ง 4 ดินน้ำลมไฟ แพทย์แผนตะวันตก สมดุลกรดด่าง ในความเข้าใจของผู้เขียน จากที่ได้ศึกษาข้อมูลมาคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน เหมือนกันในสาระแตกต่างในวิธีการถ่ายทอด อันเนื่องจากความแตกต่างด้านวัฒนธรรม ภูมิศาสตร์และสังคม ก่อให้เกิดวิชาแพทย์หลายๆแขนงที่ต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยของตนเอง ในที่นี้ผู้เขียนจะกล่าวถึงสมดุลของร่างกายโดยอ้างอิงจากสมดุลกรดด่าง เพราะมีข้อมูลในเชิงวิทยาศาสตร์ มีงานวิจัยค้นคว้าและเอกสารอ้างอิงที่หาได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังสามารถแสดงตัวเลขให้ผู้อ่านได้เข้าใจได้ชัดเจนมากกว่าด้วย เป็นเรื่องที่ยากที่เราจะวัดสมดุลกรดด่างของร่างกายได้โดยตรง…

อ่านต่อคลิก →

วิตามินสำหรับสะเก็ดเงิน

วิตามินถือเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของคนไข้สะเก็ดเงิน โดยเป็นตัวช่วยในการบรรเทาความรุนแรงของอาการที่ปรากฏให้ลดน้อยลงได้ โดยวิตามินที่ถูกนำมาใช้ในคนไข้สะเก็ดเงินกันอย่างกว้างขวางก็คือ วิตามิน D นั่นเอง ทำไมต้องวิตามิน D ? ทางการแพทย์มีข้อสันนิษฐานถึงสาเหตุของโรคสะเก็ดเงินว่าเป็นโรคที่มีความเกียวพันกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กล่าวคือ ระบบภูมิคุ้มกันมีการทำงานมากเกินปกติ ส่งผลให้ผิวหนังอักเสบพร้อมกับมีการสร้างเซลล์ผิวหนังและผลัดเซลล์ผิวหนังมากกว่าปกติหลายเท่า วิตามิน D มีหน้าที่สำคัญในการบรรเทาอาการสะเก็ดเงินได้ เพราะช่วยลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้น้อยลง ส่งผลให้ลดการสร้างและการผลัดเซลล์ผิวหนังของอาการสะเก็ดเงินได้ แหล่งวิตามิน D เราสามารถรับวิตามิน D ได้จากวิธีการต่อไปนี้ การรับแสงแดดจากธรรมชาติ ร่างกายของมนุษย์สามารถสร้างวิตามิน D ได้เองด้วยการรับแสงแดดจากดวงอาทิตย์เป็นเวลาวันละ 10 – 30 นาที (ต้องรับแดดนานเท่าไหร่ ? ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของคนไข้สะเก็ดเงินแต่ละคน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์) โดยการรับแสงแดดจากธรรมชาติควรเลือกเวลา 8.00 – 10.00 ในช่วงเช้าและเวลา 15.00 – 17.00 ในช่วงบ่าย นอกเหนือจากช่วงเวลาตรงนี้แดดจะมีความเข้มข้นของรังสี UV มากเกินไปไม่เหมาะกับการรับแสงแดดนานๆเพราะผิวหนังจะมีริ้วรอยดูแก่ก่อนวัยและเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดมะเร็งผิวหนังในภายหลังได้ การกินอาหาร เราสามารถรับวิตามิน D ได้จากอาหารดังต่อไปนี้ (กินแต่พอดีให้ร่างกายมีสมดุลกรดด่าง) ปลาทู ปลาคอด ปลาแซลมอน…

อ่านต่อคลิก →

ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินแบบใช้ภายนอก

ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินที่ใช้ภายนอก เป็นวิธีการรักษาหรือบรรเทาอาการให้น้อยลงได้ เพราะผิวบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินมักจะแห้ง แข็งเป็นสะเก็ดและผลัดตัวเร็วมาก ก่อให้เกิดอาการคัน แสบ ระคายเคืองอยู่ตลอดเวลา สร้างความทรมานและรำคาญแก่ตัวของคนไข้เอง ประกอบกับการรักษาต้องค่อยทำแบบค่อยเป็นค่อยไป อาการสะเก็ดเงินไม่ได้หายไปง่ายๆ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกจึงมีความจำเป็นในการบรรเทาอาการต่างๆชั่วคราวเพื่อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สรรพคุณผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินสำหรับใช้ภายนอก โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินสำหรับใช้ภายนอกมักจะมีสรรพคุณหลักเหมือนกันดังต่อไปนี้ (บางชนิดมีหลายข้อบางชนิดมีบางข้อ) 1. ลดอาการคัน อาการปวดแสบปวดร้อน 2. ลอกผิวแข็งๆที่เรียกว่า สะเก็ดเงิน ออกไปและทำให้ผื่นสะเก็ดเงินอ่อนนุ่มลง 3. ลดอัตราการลอกหรือการผลัดผิวให้ช้าลง 4. ลดการอักเสบบริเวณที่เกิดสะเก็ดเงิน 5. เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผื่นสะเก็ดเงิน รูปแบบผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินในท้องตลาด มีอยู่หลายรูปแบบ แชมพูสะเก็ดเงิน เจลสะเก็ดเงิน สบู่สะเก็ดเงิน ครีมสะเก็ดเงิน ขี้ผึ้งสะเก็ดเงิน โฟมสะเก็ดเงิน น้ำยาสะเก็ดเงิน สเปรย์สะเก็ดเงิน เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ตามสะดวก เช่น ถ้าใช้อาบน้ำก็ต้องเป็นสบู่ สระผมก็เป็นแชมพู ถ้าเป็นมากหลังอาจน้ำเสร็จอาจจะใช้เป็นแบบโลชั่นทาทั้งตัว หรือถ้าเป็นไม่มากอาจใช้แบบครีมหรือขี้ผึ้งทาเฉพาะบริเวณที่เป็น ทั้งนี้แม้ว่าผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะมีข้อแนะนำที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ อย่างไรเสียเราควรปรึกษาผู้รู้เสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมอันตรายและเกิดผลข้างเคียงมาก เรามีความจำเป็นต้องปรึกษาและใช้ผลิตภัณฑ์ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ประเภทผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินแบบใช้ภายนอก แบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. แบบที่ซื้อใช้เองได้ไม่ต้องใบสั่งแพทย์…

อ่านต่อคลิก →

สะเก็ดเงินที่เล็บรักษาอย่างไรดี ?

เล็บเป็นอวัยวะอีกแห่งหนึ่งที่พบสะเก็ดเงินได้บ่อย และดูแลรักษาได้ค่อนข้างยาก การดูแลสะเก็ดเงินที่เล็บก็เลยต้องมีวิธีการที่พิเศษ เพื่อลดผลข้างเคียงของอาการและให้คนไข้อยู่ได้อย่างปกติสุข อาการสะเก็ดเงินที่เล็บ สะเก็ดเงินที่เล็บเกิดได้ทั้งที่เล็บเท้าและเล็บมือ ถ้าเป็นไม่มากลักษณะจะคล้ายเล็บคนขาดวิตามินบี แต่ถ้าเริ่มเป็นมากๆจะมีรอยของโรคมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ ผิวเล็บไม่เรียบเนียน เล็บเริ่มเป็นหลุม ใต้เล็บมีเนื้อเยื่อหนาดันเล็บให้หลุดออก สะเก็ดเงินที่เล็บเป็นแล้วหายช้ากว่าเป็นที่ผิวหนังส่วนอื่นๆบนร่างกาย อาจจะใช้เวลา 6 เดือนหรือเป็นปี ในการที่ร่างกายจะสร้างเล็บกลับมาให้เป็นปกติได้ อาการในลักษณะต่างๆของสะเก็ดเงินที่เล็บมีดังต่อไปนี้ มีสีเหลืองแดงใต้เล็บคล้ายมีหยดเลือดหรือน้ำมัน (oil drop หรือ a salmon patch) มีรอยบุ๋มเล็กๆบนเล็บ (pitting of the nail matrix) มีเส้นพาดตัวบนเล็บ โดยปกติจะพาดจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง (แนวนอน) มากกว่าด้านล่างขึ้นไปด้านบน (แนวตั้ง) (Beau lines of the nail) เกิดรอยสีขาวบนเล็บ (leukonychia หรือ midmatrix disease) ผิวหนังใต้เล็บหนาตัวขึ้น มักจะทำให้เล็บหลุดในภายหลัง (subungual hyperkeratosis) เล็บหลุด (onycholysis of the nail…

อ่านต่อคลิก →

สะเก็ดเงินที่ศีรษะ หัว ผม รักษาอย่างไรดี ?

สะเก็ดเงินบนศีรษะพบได้บ่อยอย่างน้อย 50% ของคนไข้สะเก็ดเงินจะมีอาการที่ศีรษะ เช่นเดียวกับอาการสะเก็ดเงินตามผิวหนังบริเวณอื่นๆ สะเก็ดเงินบนศีรษะมีได้ตั้งแต่อาการน้อยจนกระทั่งเป็นมาก และอาจลุกลามจนเลยตีนผมมาจนถึงหน้าผาก ต้นคอ ท้ายทอยหรือหลังหู ผู้ที่มีปัญหาสะเก็ดเงินบริเวณศีรษะส่วนใหญ่จะมีบริเวณอื่นๆด้วย มีน้อยมากที่จะเกิดบริเวณศีรษะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อาการสะเก็ดเงินบนศีรษะ ความเจ็บป่วยทางผิวหนังอย่างเช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Seborrheic Dermatitis) อาจมีอาการคล้ายสะเก็ดเงินได้ จุดต่างมีอยู่นิดหน่อยคือ ลักษณะของสะเก็ดเงินจะเป็นสีเงินและเป็นเงา ต่างจากผิวหนังอักเสบที่สะเก็ดจะมีสีเหลืองและเป็นน้ำมัน อาการนอกเหนือจากนี้จะคล้ายกัน อาจทำให้เข้าใจสับสนว่าเป็นโรคเดียวกันได้ วิธีรักษาสะเก็ดเงิน การใช้อาหารบำบัด อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเรามีสุขภาพดีหรือไม่ดีก็ได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรารับประทานเข้าไป ในปัจจุบันมีงานวิจัยและผลสรุปจากนักวิทยาศาสตร์แล้วว่า การบำบัดโรคภัยไข้เจ็บด้วยอาหารเป็นสิ่งทีทำแล้วเห็นผลได้รวมถึงโรคสะเก็ดเงินด้วย หลักสำคัญที่จะช่วยให้ดีขึ้นได้อย่างถาวรยาวนาน คือ เรื่องการรักษาสมดุลกรดด่าง ดังนั้น การทานอาหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้สะเก็ดเงินที่ศีรษะดีขึ้นได้เร็วจากภายในสู่ภายนอก อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ค่อนข้างใช้เวลานาน คนไข้ต้องมีความอดทนและมีวินัยในการเลือกทานอาหาร จึงจะประสบความสำเร็จแและหายจากสะเก็ดเงินได้ รายละเอียดเพิ่มเติม อาหารต้านสะเก็ดเงิน การใช้สมุนไพร สมุนไพรที่ใช้รักษาสะเก็ดเงินต้องเป็นตำรับยา คือ มีส่วนผสมของสมุนไพรชนิดต่างๆเพื่อให้มีการเสริมฤทธิ์และหักล้างความเป็นผิดของสมุนไพรบางตัวออกไป จะเรียกว่าเป็นสูตรก็ได้ อย่างไรก็ตามสูตรสมุนไพรสะเก็ดเงินไม่ได้มีข้อมูลที่แน่ชัดนัก ผู้ที่ทราบมักจะเป็นแพทย์แผนไทยและแผนจีนที่มีประสบการณ์และเคยรักษาคนไข้สะเก็ดเงินมาก่อน ดังนั้น การใช้ยาจึงต้องปรึกษาแพทย์เหล่านี้เสียก่อน การแพทย์แผนปัจจุบัน มีวิธีการรักษาหลายแนวทางที่จะช่วยให้สะเก็ดเงินบนศีรษะสงบลงได้ ประเด็นสำคัญ คือ เราต้องเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับเราให้ได้ เพราะร่างกายแต่ละคนโดยพื้นฐานแล้วไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นกับเวลา ความสะดวกและงบประมาณที่เรามีด้วย ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันดิน…

อ่านต่อคลิก →

สะเก็ดเงินที่หน้ารักษาอย่างไรดี ?

สะเก็ดเงินที่ผิวหน้ามักจะพบร่วมกับสะเก็ดเงินที่ศีรษะและผู้ที่เป็นชนิดรุนแรงกินพื้นที่ผิวหลายจุดและเป็นบริเวณกว้าง ผิวหน้าเป็นส่วนที่ค่อนข้างบางและไวต่อสิ่งแวดล้อม เครื่องสำอางและยา การดูแลรักษาสะเก็ดเงินที่หน้าจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ล้างหน้ารวมถึงยารักษาสะเก็ดเงินที่ใช้ทาหน้าด้วย บริเวณที่เกิดสะเก็ดบนใบหน้าที่พบบ่อยได้แก่ คิ้วและรอบดวงตา ไรผม ผิวหนังบริเวณเหนือริมฝีปากบนและจมูก หน้าผาก ซึ่งแต่ละบริเวณที่เกิดสะเก็ดเงินมีการดูแลแตกต่างกันไป ขึ้นกับความหนักเบาของอาการประกอบกับวิจารณญาณของแพทย์ผู้ดูแล ลองดูตัวอย่างสะเก็ดเงินบริเวณผิวหนังที่อ่อนไหวต่อไปนี้ สะเก็ดเงินรอบดวงตา ถ้าสะเก็ดเงินเกิดขึ้นตรงเปลือกตามักจะส่งผลให้ขอบเปลือกตาเกิดอาการปลิ้น ถ้าปลิ้นขึ้นขนตาจะชี้ขึ้นแต่ถ้าปลิ้นลงขนตาจะแยงเข้าไปในที่ตา เกิดอาการระคายเคืองอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังรบกวนการมองเห็นอีกด้วย ในหลายกรณีแพทย์มักจะใช้สเตอรอยด์ชนิดพิเศษในการทาเพื่อบรรเทาอาการสะเก็ดเงินรอบดวงตา แต่เนื่องจากสเตอรอย์มีผลข้างเคียงกับผิวหนัง กล่าวคือ ทำให้ผิวหนังบาง (ผิวหนังรอบดวงตาบางอยู่แล้ว) เพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคต้อหินและต้อกระจกได้ การใช้สเตอรอยด์จึงต้องได้รับการตรวจและดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ สะเก็ดเงินในช่องหู สะเก็ดเงินในช่องหูอาจสร้างปัญหาการได้ยินชั่วคราวได้ เพราะสะเก็ดที่เกิดขึ้นขัดขวางการได้ยิน แพทย์จึงจำเป็นต้องจัดการกับสะเก็ดเหล่านี้ โดยปกติแล้วสะเก็ดเงินจะเกิดขึ้นบริเวณช่องหูด้านนอกเท่านั้น การใช้ครีม calcipotrene (อนุพันธ์ของวิตามิน D) หรือ tazarotene (อนุพันธ์ของวิตามิน A) อาจทำให้เกิดความระคายเคืองต่อช่องหูได้ ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลดีควรใช้ร่วมกับยาทาสเตอรอยด์ เนื่องจากหูเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อนไม่แพ้ดวงตา การรักษาจึงจำเป็นต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์เช่นกัน สะเก็ดเงินในช่องปาก รอบริมฝีปากและจมูก พบได้น้อยมากในคนไข้สะเก็ดเงิน ผื่นสะเก็ดเงินจะปรากฏบริเวณเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม ในจมูกและริมฝีปาก โดยปกติแล้วผื่นสะเก็ดเงินจะเป็นสีขาวหรือสีเทา สะเก็ดเงินบริเวณเหล่านี้มีผลกับการใช้ชีวิตประจำวันพอควร เพราะว่าเราจะมีอาการเจ็บทำให้เคี้ยวหรือกินอาหารได้ไม่สะดวกนัก การรักษาสะเก็ดเงินในช่องปากและในจมูกมักจะมีการใช้สเตอรอยด์ชนิดพิเศษที่ใช้บริเวณที่ชื้น วิธีการรักษาความสะอาดที่จะช่วยลดความเจ็บปวดจากสะเก็ดเงินได้ก็คือ…

อ่านต่อคลิก →

คลินิกรักษาสะเก็ดเงินในประเทศไทย

เนื่องจากโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลและรักษาจากแพทย์ คนไข้ส่วนใหญ่จึงมีความจำเป็นต้องหาข้อมูลเกียวกับเรื่องคลินิคหรือโรงพยาบาลที่มีแพทย์ชำนาญการเกียวกับโรคนี้ ในประเทศไทยของเรามีสถาบันหลายแห่งที่แพทย์มีความสามารถในการรักษาสะเก็ดเงินได้ เพราะสะเก็ดเงินไม่ใช่โรคใหม่ที่เพิ่งเกิด แนวทางการรักษาจึงมีอยู่หลายวิธีและค่อนข้างได้ผล โดยผลที่ได้จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับพื้นฐานร่างกายของคนไข้ด้วย ก่อนจะรู้ว่าเราจะไปที่คลินิคหรือโรงพยาบาลไหน ? หาหมอสะเก็ดเงินท่านใด ? สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือ การเลือกแนวทางการรักสะเก็ดเงินเสียก่อน เพราะมีอยู่หลายแนวทาง ลองดูรายละเอียดต่อไปนี้ประกอบการตัดสินใจได้ แนวทางรักษาสะเก็ดเงิน แผนปัจจุบัน การรักษาจะทำโดยอายุรแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญเรื่องตจวิทยาหรือมีความชำนาญเรื่องโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง พูดให้เข้าใจกันง่ายๆจะเรียกว่า แพทย์ผิวหนังก็ได้ ถ้ามีอาการสะเก็ดเงินไม่มาก แพทย์มักจะรักษาจากภายนอกโดยการใช้ยาในรูปแบบต่างๆเพื่อลอกขุยสะเก็ดเงินออกแล้วทายาลงไปเพื่อลดการอักเสบ แสบ คัน และลดการลอกของสะเก็ดเงินให้น้อยลงและเพื่อให้ได้ผลในการรักษาที่ดียิ่งขึ้นอาจมีการฉายแสง UV ร่วมด้วย หากมีอาการมาก (มีสะเก็ดเงินกินพื้นที่ผิวหนังบนร่างกายเป็นบริเวณกว้าง) การรักษาสะเก็ดเงินจากภายนอกและการฉายแสง UV ไม่เพียงพอ แพทย์จะตัดสินใจใช้การรักษาแบบเป็นระบบ กล่าวคือ มีการรักษาด้วยการจ่ายยาให้รับประทานและอาจมีการฉีดยาร่วมด้วย การรักษาในแนวทางนี้จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพราะยาส่วนใหญ่ใช้แล้วมีผลข้างเคียง เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากน้ำมันดินเข้มข้นเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง การใช้สเตอรอยด์เสียงต่ออาการ ผิวบาง ติดเชื้อง่าย แตกลาย ฉีกขาดและฟกช้ำได้ง่าย มีผื่นขึ้นรอบปาก เกิดอาการแพ้สเตอรอยด์ ถ้าใช้ในปริมาณที่มากเกินไปมากก็จะมีปัญหาเกียวกับไตและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งว่า หากเราตัดสินใจเลือกใช้แนวทางแผนปัจจุบันรักษาสะเก็ดเงินแล้ว เราต้องมีแพทย์ที่คอยให้คำปรึกษากับเราเป็นระยะ ข้อดี ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกเป็นสากล เห็นผลได้ไวกว่าแผนทางเลือก (หากการรักษาได้ผล)…

อ่านต่อคลิก →

Page 1 of 3